อาหารของปลามังกรที่ผู้เลี้ยงนิยมให้มี 4 อย่างก็คือ กุ้งฝอย หนอนนก
จิ้งหรีด และลูกปลาเล็ก แต่จริงๆ
แล้วปลาชนิดนี้สามารถกินอาหารได้หลายอย่างโดยแบ่งออกหมวดหมู่ได้ 7
ชนิดดังต่อไปนี้..
1. แมลง
มีหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น จิ้งหรีด หนอนนก แมลงสาบ ตั๊กแตน
การให้อาหารประเภทแมลงมีข้อดีคือปลาชอบกิน ย่อยง่าย
และแมลงส่วนใหญ่จะลอยน้ำทำให้ปลากินง่ายไม่ต้องว่ายหาหรือไล่ล่าในตู้
แต่ก็มีข้อเสียด้วยเช่นกันก็คือของเสียจากปลาจะมี “
เปลือก”
ออกมาด้วยเช่นเปลือกหนอน ปีกจิ้งหรีด และส่วนอื่นๆ
ซึ่งเศษของเสียพวกนี้จะลอยน้ำแล้วเกาะตัวเป็นคราบ
หากไม่มีการขัดถูตู้เป็นประจำปล่อยไว้นานเข้าเปลือกเหล่านี้จะฝังตัวแน่น
เข้ากับตู้ทำให้ตู้สกปรกไม่น่ามอง ในท้องตลาดทั่วๆ
ไปจะมีหนอนนกและจิ้งหรีดขายเป็นประจำโดยราคาของหนอนนกจะอยู่ที่ประมาณขีดละ
10-30 บาท ส่วนจิ้งหรีดก็จะขายเป็นถุงๆ ละ 30-50 บาท
2. สัตว์เล็ก
เช่น ไรทะเล กุ้งฝอย และลูกกบ ในส่วนของ “กุ้งฝอย”
หากฝึกให้ปลากินได้เป็นประจำก็จะเป็นผลดีทำให้ปลามีสีสันที่ดีขึ้นโดยเฉพาะ
อย่างยิ่งในปลามังกรแดง ส่วน “ลูกกบ” ปลาบางตัวก็ชอบ บางตัวก็ไม่ชอบนะครับ
ส่วนใหญ่แล้วลูกกบมักจะเป็นเหยื่อที่ปลากินได้ไม่นาน กินไม่ประจำ แรกๆ
อาจจะชอบแต่พอซักพักก็จะเริ่มเบื่อและกินน้อยลง
ลูกกบเป็นเหยื่อปลาที่ค่อนข้างมีราคาสูงคือขายกันที่ตัวนึงประมาณ 2-5 บาท
(ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนการซื้อ)
=>
กรณีศึกษาเรื่อง "เมื่อปลากินกุ้งฝอย"
http://www.aro4u.com/forums/index.php?showtopic=32
3. ลูกปลา
นอกจากพวกแมลงและสัตว์เล็กแล้วก็ยังมีพวกปลาเล็กๆ อีกด้วย เช่น ปลาสอด
ปลาหางนกยูง ปลากัด ปลานิล ปลาทอง
การให้อาหารประเภทลูกปลามีข้อดีคือปลาโตเร็ว สีสันสวยงาม
และกระตือรือร้นสม่ำเสมอเนื่องจากได้ไล่ล่าลูกปลาเป็นประจำ
แต่การให้ปลาเหยื่อเป็นอาหารก็มีข้อเสียเช่นกันคือ
ปลาบางตัวอาจมีโรคติดมาและเมื่อปลามังกรกินเข้าไปแล้วก็มีอาจผลให้ได้รับ
เชื้อนั้นด้วย อีกเรื่องคือ “
ปรสิต” ที่ติดมาไม่ว่าจะเป็นเห็บ หรือ หนอนสมอ (หากหลีกเลี่ยงจากการใช้เหยื่อประเภทนี้ไม่ได้ผมแนะนำให้ล้างลูกปลาเหล่านี้ด้วย “
น้ำผสมด่างทับทิม”
จางๆ
ซักรอบและล้างด้วยน้ำสะอาดก่อนใช้อีกครั้งเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคและกำจัด
ปรสิต
การผสมด่างทับทิมเข้มข้นเกินไปมีผลทำให้ลูกปลาตายอย่าลืมระวังที่จุดนี้ด้วย
นะครับ)
4. สัตว์เลื่อยคลาน
อย่างเช่น จิ้งจก ตุ๊กแก กิ้งกือ… จริงๆ
แล้วสัตว์เลื้อยคลานพวกนี้ปลามังกรชอบกินมากแต่ติดตรงที่ว่าหายากมีไม่มาก
นัก ไม่มีขายตามท้องตลาดใครที่คิดจะให้ก็ต้องขยันจับกันหน่อย
ผมเคยได้ยินว่าการให้เหยื่อพวกนี้แล้วสีปลาจะดีขึ้น
แต่จากที่ทดลองแล้วผลปรากฏว่าไม่ได้มีผลเรื่องสีมากนัก
จากที่ไม่แดงก็ไม่ได้แดงขึ้นเท่าไหร่
ส่วนตัวที่แดงอยู่แล้วก็คงเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง สำหรับ “กิ้งกือ”
ผมไม่แนะนำให้ใช้เพราะมีการพิสูจน์แล้วว่ามีพิษ
หากให้ปลากินเป็นประจำอาจมีผลร้ายในระยะยาวได้
5. เนื้อสัตว์
ที่นิยมให้ก็มีหลายชนิดเช่น เนื้อกุ้ง เนื้อปลา เนื้อหมู
หรือเนื้อชนิดอื่นๆ
เหยื่อปลาชนิดนี้ผมแนะนำให้ล้างให้สะอาดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีไข่พยาธิหรือ
สิ่งสกปรกชนิดอื่นๆ หลงเหลืออยู่
แล้วในการให้จริงก็ควรตัดชิ้นเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ จะได้กินง่ายกลืนสบายๆ...
จริงๆ แล้วเนื้อสัตว์พวกนี้ไม่ค่อยเหมาะกับระบบการย่อยปลามังกรนัก
(ยกเว้นเนื้อกุ้งและเนื้อปลา)
การให้กินเป็นประจำอาจมีผลทำให้ระบบขับถ่ายไม่ดี อันจะเป็นที่มาของโรค “
ริดสีดวง” ได้
=>
กรณีศึกษาเรื่อง "การฝึกปลาให้กินเนื้อกุ้ง"
http://www.aro4u.com/forums/index.php?showtopic=2604
6. อาหารเม็ด
ข้อดีของอาหารเม็ดก็คือมีสารอาหารที่จำเป็นและวิตามินครบถ้วนซึ่งช่วยในการ
ช่วยเพิ่มสีสันและความสมบูรณ์ให้กับตัวปลา
ในท้องตลาดบ้านเรามีหลายยี่ห้ออย่างเช่นของ Hikari, Tetra และ Azoo
โดยที่อาหารเม็ดเหล่านี้ถูกทำมาเพื่อสำหรับปลามังกรโดยเฉพาะ
มีการแต่งกลิ่นและรูปทรงให้ดูเหมือนเป็นกุ้งหรือลูกปลาตัวเล็กๆ
ทำให้ปลาสนใจมากขึ้น
แต่ปกติแล้วผู้เลี้ยงปลามังกรมักไม่ค่อยให้กินอาการ
เม็ดกันนั่นไม่ใช่เพราะแพงหรือหาซื้อยากอะไรนะครับ แต่เพราะปลาไม่ค่อยกิน
กินน้อย หรือกินได้ไม่นานแค่ระยะหนึ่งก็เลิก แต่สำหรับผู้
เลี้ยงมือใหม่ที่ไม่ต้องการทำบาปก็มักจะฝึกเลี้ยงเจ้ามังกรน้อยด้วยอาหาร
เม็ดเหล่านี้ ใหม่ๆ อาจจะฝึกได้ยากหน่อย แต่เมื่อปลาหิวมากๆ ก็จะค่อยๆ
ยอมรับอาหารเม็ดเอง
(จะฝึกปลาให้กินอาหารเม็ดต้องใจแข็งหน่อยเพราะช่วงแรกปลาอาจไม่ยอมรับเลย
ไม่กิน ไม่แตะต้อง กินแล้วอมๆ เคี้ยวๆ แล้วก็บ้วนออก) ในช่วงการฝึกช่วงแรกๆ
ให้ใช้วิธีผสมไปก่อนคือให้ทั้งเหยื่อปลาปกติและอาหารเม็ด
เพื่อกันปลาหิวจัดและซึมหรือพาลไม่กินอะไรอีกเลย
เมื่อปลาหรับตัวกับอาหารเม็ดได้แล้วจึงให้ค่อยให้อาหารเม็ดกินอย่างเดียว
วิธีนี้สามารถใช้ในการฝึกให้ปลากินอาหารใหม่ชนิดอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน
7. เมนูพิเศษ
ปัจจุบันในท้องตลาดมีสัตว์แปลกๆ
มาขายเพื่อเป็นเหยื่อให้กับปลามังกรอย่างเช่น แมงป่อง ตะขาบ
หนอนยักษ์และลูกตะพาบน้ำ ทั้ง 4
อย่างนี้ถือเป็นเมนูพิเศษที่ไม่ค่อยจะเหมาะนักกับปลามังกรแต่ว่ามันก็ชอบกิน
มากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 ชนิดแรกที่เชื่อกันว่าจะทำให้ปลามีสีสันดี สวยงาม
เพราะมีสารเร่งสีตัวนั้นนี้ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่
การเสนอขายเหยื่อแต่ละอย่างก็ราคาสูงมากอย่างเช่นตะขาบตัวนึงตกอยู่ที่
50-80 บาท (ตัดเขี้ยวแล้ว) แมงป่องก็ 15-20 บาท หนอนยักษ์ (คล้ายๆ
หนอนนกแต่มีขนาดใหญ่กว่าประมาณ 10-20 เท่า) ราคาตัวละ 4 บาท
ส่วนลูกตะพาบก็ตัวละประมาณ 5 บาท...
เมนูพิเศษที่ว่านี้เหมาะสำหรับปลาใหญ่ที่มีขนาดตั้งแต่ 1 ฟุตขึ้นไปนะครับ
ในปลาเล็กไม่แนะให้ใช้ เหยื่อปลาชนิดนี้ผมถือเป็น “มื้อโอชา” ที่ให้นานๆ
ทีดีกว่าครับ
=>
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมนูมื้อพิเศษhttp://www.aro4u.com/forums/index.php?showtopic=299http://www.aro4u.com/forums/index.php?showtopic=380
ในการให้อาหารก็ไม่ควรให้มากเกินไป ให้อย่างพอเหมาะเพื่อป้องการ “
โรคอ้วน”
นอกจากนี้ยังช่วยไม่ให้น้ำเสียง่ายอีกด้วย
และไม่ควรให้อาหารเผื่อทิ้งไว้ไม่ว่าอาหารเป็นอย่างกุ้งฝอยหรือลูกปลา
และอาหารเม็ดลอยน้ำเพราะจะทำให้ปลาได้กินอิ่มอยู่เสมอ
จุดนี้จะทำให้ปลาขาดความคึกคัก กระตือรื้อร้น เพราะไม่เคยรู้สึกหิว
อิ่มตลอด มีให้กินเสมอ การให้อาหารในปลาเล็ก (ก่อน 1 ฟุต) ควรให้วันละ 2
มื้อ ส่วนปลาใหญ่ให้เพียงวันละ 1 มื้อก็พอ สำหรับลูกปลาขนาดเล็ก ๆ
ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ไม่ควรที่จะเลี้ยงด้วยกุ้ง หรือพวกเนื้อ
เพราะจะทำให้ติดคอ ท้องอืด อาหารไม่ย่อยซึ่งอาจทำให้ตายได้
ในปลาวัยนี้ให้เป็นไรทะเลหรือหนอนนกตัวเล็กๆ จะดีกว่า
แต่ถ้าอยากให้ปลากินกุ้งฝอยก็ควรที่แกะหัวแกะหางให้เรียบร้อยจึงค่อยให้
เพื่อป้องการ “
กรีกุ้ง” หรือส่วนแหลมคมส่วนอื่นๆ ไปทำอันตรายปลาได้
=>
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ "ปลาอ้วน"
http://www.aro4u.com/forums/index.php?showtopic=1639
NOTE : ปัจจุบันผู้เลี้ยงปลามังกรค่อยๆ ลดความนิยมในการใช้ “
แมลงสาบ”
เป็นอาหารปลาเนื่องจากว่าใหญ่เกินไป คับปาก แข็ง
กลืนกินยากซึ่งจะมีผลกับปากและกรามของปลาทำให้อาจเสียรูปได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้กินแมลงสาบตั้งแต่เล็กๆ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความสกปรกจากเครื่องในของตัวแมลงสาบเวลาที่ปลากัด
เคี้ยวแล้วมีเศษซากหลงเหลืออยู่
เรื่องกลิ่นสาบจากตัวแมลงเช่นกันหากเป็นตู้ที่ขาดดูแล
ไม่มีการเปลี่ยนน้ำอย่างสม่ำเสมอก็จะมีกลิ่นเหม็นอับน่ารังเกียจ
ส่วนเรื่องสุดท้ายคือเรื่องสารพิษจากยาฆ่าแมลงซึ่งก็ไม่อาจทราบได้ว่าเจ้า
แมลงสาบตัวที่เราให้จับให้ปลากินมีที่มาจากไหน โดนยาฆ่ามารึเปล่า ?
มีปลามังกรจำนวนไม่น้อยนะครับที่ต้องเสียไปจากเหยื่อปลาที่มียาฆ่าแมลง
ส่วนเหยื่ออีกชนิดที่ถูกลดความนิยมลงไปก็คือ “ลูกปลาทอง”
เนื่องจากว่าปลาชนิดนี้มีไขมันสูงซึ่งอาจะเป็นผลให้ปลาอ้วน เสียทรง
ว่ายน้ำไม่สวยสง่างาม ที่สำคัญคือ “ตาตก” เร็ว
เหยื่อปลากับการดูแลรักษา
สำหรับ
การดูแลรักษาเหยื่อปลา
หลายท่านที่ไม่เคยเลี้ยงปลามังกรมาก่อนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ
ไม่ได้สำคัญอะไร ทำไมต้องไปใส่ใจด้วย ? แต่จริงๆ
แล้วมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก ทั้งปัญหาจิ้งหรีดตายจำนวนมาก
หนอนนกโดนมดขึ้น กุ้งฝอยกระหน่ำตายหลังจากซื้อมาแค่วันเดียว...
นี่แหละครับที่เป็นปัญหา หลายคนก็วิธีทางแก้ที่แตกต่างกันไป
แต่โดยมากแล้วมักจะจบลงที่การ “
แช่แข็ง” หรือ Freeze
เหยื่อปลาเหล่านั้น
การแช่แข็งเป็นการถนอมอาหารที่ดีที่สุดอีกวิธีเพราะทำให้คงความสดของอาหาร
ได้นานและเก็บได้ครบทุกตัว เหยื่อปลาส่วนใหญ่ที่มักจะใช้วิธีแช่แข็งก็คือ
“กุ้งฝอย” และพวกเนื้อสัตว์ ส่วนอย่างอื่นเช่นหนอนนกและจิ้งหรีด
หลังการแช่แข็งแล้วปลาจะไม่ค่อยชอบคือจะกินน้อยลงมาก
ยังไงก็ตามโดยสันชาตญาณแล้วปลามังกรจะชอบของเป็นมากกว่าของตาย
และเพราะแบบนั้นในการรักษาเหยื่อที่ยังเป็นให้มีชีวิตยาวนานขึ้นเราก็ต้องมี
เทคนิคการดูแลกันหน่อย... เอาล่ะครับ ! เรามาเริ่มต้นที่
หนอนนก...
หนอนนกเป็นเหยื่อตระกูลแมลงที่เมื่อโตขึ้นเต็มวัยแล้วจะเป็นแมลงปีกแข็งชนิด
นึง (ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเรียกว่าแมลงอะไร ? แต่ปลามังกรก็สามารถกินได้)
อาหารชนิดนี้เป็น Basic สำหรับปลามังกร กินง่าย (โดยเฉพาะตัวอ่อนสีขาว)
มีโปรตีนสูง
ปัญหาของหนอนนกที่มักจะเจอก็คือโดน “
มดขึ้น”
หรือไม่ก็โดนเจ้าจิ้งจกแอบกิน...
ปัญหามดขึ้นเป็นปัญหาที่รุนแรงมากเพราะต้องเสียหนอนนกไปทั้งหมดต่างกับกรณี
ที่จิ้งจกแอบกินเพราะแบบนั้นคือหายเป็นตัวๆ ไปเสียไปเพียงบางส่วนเท่านั้น
แต่ถ้าเป็นมดขึ้นแล้วเรื่องใหญ่
เสียเหยื่อแล้วยังต้องเสียเวลาไปหาซื้อมาใหม่อีก
วิธีแก้ไขสำหรับกรณีมดขึ้นก็คือเตรียมถาดไว้ 2 อันๆ
แรกใช้ขนาดเล็กเพื่อสำหรับเก็บหนอนนก
ส่วนอีกอันเป็นขนาดใหญ่เพื่อรองน้ำใส่กันมดขึ้น แล้วก็มีฝาปิดที่เป็นช่องๆ
สามารถระบายอากาสได้มาปิดด้านบนซักอันเพื่อป้องกันเจ้าจิ้งจกขี้ขโมยมาแอบ
กิน
ที่สำคัญคือต้องหมั่นคอยดูเติมน้ำไว้เสมอเพราะหากน้ำแห้งเมื่อไหร่ขบวนมดแดง
ที่จ้องรออยู่แล้วก็จะเคลื่อนทับทันที
ต่อไปก็เป็นเรื่องของอาหารที่ใช้หล่อเลี้ยงพวกมันให้อยู่ได้นานๆ
อาหารสำหรับหนอนนกที่นิยมใช้คือ “รำแห้ง”
ซึ่งสามารถขอซื้อได้จากร้านที่ขายหนอนนกเลย
นอกจากนี้เรายังสามารถให้อาหารไก่ อาหารปลาดุก หรือผักแห้งเช่น กะหล่ำปลี
การเลี้ยงหนอนนกเป็นจำเป็นต้องมีตระแกรงร่อนซักอันเพื่อไว้ร่อนเปลือกหนอน
เวลาที่ลอกคราบและร่อนขี้หนอนออกก่อนจะให้ปลากิน
NOTE :
อาหารที่ให้หนอนนกควรเป็นอาหารแห้งเพราะถ้าเราให้อาหารเปียกเช่นแครอท
แตงกวา ถั่วงอกดิบ หรือผลไม้อื่น
ขี้หนอนจะเปียกจะส่งผลให้ภายในถาดชื้นและถ้าชื้นมากๆ ก็จะทำให้หนอนอับตาย
จิ้งหรีด...
จิ้งหรีดก็เป็นเหยื่อตระกูลแมลงอีกชนิดที่เป็นที่นิยมอย่างมาก
แล้วตอนนี้ก็เป็นสัตว์เศรษฐกิจไปแล้ว
มีการเพาะขายกันเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ปลามังกรชอบกินจิ้งหรีดมาก
บางตัวไม่เคยกินแล้วมาได้ลิ้มลองอาจจะติดใจจนไม่สนอาหารชนิดอื่นซึ่งถ้าเป็น
เมื่อก่อนที่จิ้งหรีดหายากๆ ผู้เลี้ยงคงปวดหัวไปตามๆ กัน
แต่ปัจจุบันมีกันเต็มตลาดปัญหาที่ว่าจึงหมดไป
สำหรับปัญหาที่เกิด
ขึ้นกับจิ้งหรีดก็คือมักจะตายง่าย ตายทุกวันๆ ละนิดละหน่อย
ส่วนสาเหตุการตายก็อ่อนแอตายบ้าง กัดกันตายบ้าง โดนมดกัดบ้าง
แต่ส่วนใหญ่จิ้งหรีดมักจะตายในที่เลี้ยงที่คับแคบ (ในกรณีที่จำนวนหนาแน่น)
ยังไงก็ตามการจะเก็บรักษาจิ้งหรีดให้อยู่นานๆ
อันดับแรกต้องเตรียมเนื้อที่เพียงพอโดยเน้นความกว้างของภาชนะที่ใส่ให้มี
ส่วนสูงซัก 15” ฟุตและกว้างยาวประมาณ 1x1 ฟุต (ขนาดตัวอย่างสำหรับจิ้งหรีด
100 ตัว)
มีตะแกรงปิดกันจิ้งหรีดกระโดดหนีที่สำคัญคือมีถาดรองน้ำซักอันกันมดขึ้น
ส่วนอาหารจิ้งหรีดก็แบบเดียวกับกับหนอนนกครับคือ รำแห้ง อาหารปลา อาหารไก่
แต่ต่างกันตรงที่สามารถให้อาหารชื้อกับจิ้งหรีดได้ซึ่งก็คือผักและผลไม้เช่น
แตงกวา ผักกาดหอม ชมพู่ มะม่วง
ให้จิ้งหรีดกินอาหารวันเว้นวันก็พอและที่สำคัญควรมีน้ำด้วยนะครับ
แต่ถ้าให้ผักและผลไม้กินเป็นประจำแล้วก็ไม่ต้องครับ
สุดท้ายก็หมั่นทำความสะอาดภาชนะที่เลี้ยงด้วยและหมั่นคัดตัวตายออกเป็นประจำ
เพื่อเจ้าจิ้งหรีดจะได้มีสุขภาพที่สมบูรณ์พร้อมเป็นอาหารสุดอร่อยข
องปลาที่รักของเรา
กุ้งฝอย...
เหยื่อปลาชนิดนี้เลี้ยงยากที่สุด การเลี้ยงกุ้งฝอยให้อยู่ได้นานๆ จริงๆ
ทำได้ยากมากเพราะส่วนใหญ่จะตายหมดก่อนและจะตายภายในระยะเวลาอันรวดเร็วเพียง
แค่ข้ามคืนเดียวอาจตายเกินครึ่ง
แต่หลังจากที่ได้ทดลองเองและสอบถามจากผู้เลี้ยงท่านอื่นรวมถึงร้านขายปลาที่
รู้จักหลายๆ ร้านต่างก็ได้ข้อมูลคล้ายคลึงกันนั่นก็คือ
ในการเลี้ยงกุ้งฝอยให้อยู่ได้นานจำเป็นต้องมีภาชนะที่กว้างโดยไม่เน้นสูง
ใส่หัวทรายเพื่อให้ออกซิเจนมากๆ (ควรใส่หลายๆ
อันเพื่อให้อากาศกระจายทั่วภาชนะ) และเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกวัน
อาหารสำหรับกุ้งฝอยก็เป็นอาหารปลาธรรมดา ซากปลา รวมถึง “หนอนนก”
กุ้งฝอยก็กินได้
ยังไงก็ตามถ้าบ้านหรือสถานที่เลี้ยงอยู่ไกล้ร้านขายกุ้งฝอยก็อย่าลำบาก
เลี้ยงเองเลย ซื้อเขาดีกว่าแล้วก็ใช้ให้หมดเป็นวันๆ ไป
NOTE :
ผู้เลี้ยงสามารถฝึกให้ปลากินกุ้งตายได้ไม่ว่าจะเป็นกุ้งฝอยสดที่มีขายตาม
ท้องตลาดหรือกุ้งฝอยแช่แข็งที่เราจัดเตรียมไว้แล้ว ในช่วงแรกๆ
ปลาอาจไม่ยอมรับแต่ไม่นานก็จะกินครับเพราะเท่าที่ลองฝึกปลาหลายๆ
ตัวส่วนใหญ่จะกิน
หรืออย่างน้อยที่สุดก็เรียกได้ว่าฝึกให้กินกุ้งฝอยฝึกง่ายกว่าให้กินอาหาร
เม็ดมาก (สำหรับการใช้วิธีแช่แข็ง
ก่อนการแช่หากมีเวลาก็อย่าลืมล้างฆ่าเชื้อด้วยน้ำผสมด่างทับทิมเจือจางเพื่อ
ฆ่าเชื้อโรคและปรสิตที่ติดมาด้วย)
ปลาเหยื่อ...
ปลาเหยื่อที่นิยมให้กันมากที่สุดก็คือปลานิล แต่นอกจากนี้ก็มีปลาอื่นๆ
อีกเช่น ลูกปลาช่อน ปลาสอด ปลาหางนกยูง ลูกปลากัด
ปลาเหยื่อเหล่านี้ดูแลไม่ยากแค่หาอ่างซักใบให้มีความสูงมากหน่อยเพื่อ
ป้องกันกระโดดและให้อ๊อกซิเจนกับอาหารอย่างเพียงพอก็พอแล้วครับ
ข้อดีจากปลาเหยื่อก็คือปลามังกรจะได้รับสารอาหารเต็มที่ทั้งโปรตีนและแค
ลเซี่ยม ทำให้ปลาโตเร็ว เกล็ดและเครื่องครีบแข็งแรง
ส่วนปัญหาที่เจอก็มีอยู่ 2 อย่างคือ “
โรค” และ “ปรสิต”
ที่มากับตัวปลาเช่นเห็บและหนอนสมอ โรคตัวเปื่อย ปากเปื่อย หางเปื่อย
ตัวสำลี โรคจุดขาว
ถ้าเจอแบบนี้ก็ตักทิ้งไปเลยปล่อยไว้จะเป็นอันตรายกับปลาของเราเปล่าๆ
ผมไม่แนะนำให้ใช้ปลาเหยื่อในปลาที่ยังเล็กเกินไปจะทำให้ปลากินยาก
ฝืนกินลงไปอาจติดคอตายหรือไม่ก็ถ้ากินได้จะต้องใช้แรงปากค่อนข้างมากนานๆ
เข้าอาจทำให้ปากปลาเสียรูปไม่สวยได้
แมงป่อง & ตะขาบ...
เมนูพิเศษ 2
อย่างนี้เพิ่งได้รับความนิยมเมื่อไม่นานมานี้เองครับโดยเชื่อว่าจะช่วยเร่ง
สีสันให้กับปลาได้
แล้วก็อย่างที่ได้กล่าวไปด้านบนแล้วนะครับว่าอาหารชนิดนี้เหมาะสำหรับปลาที่
มีขนาด 12” ขึ้นไป เล็กกว่านี้ยังไม่สมควรให้กินถึงแม้จะสับเป็นชิ้นเล็กๆ
ก็ตามเพราะเป็นเหยื่อจำพวกมีเปลือกแข็งและมีเนื้อเหนียวโดยเฉพาะ “แมงป่อง”
อาจทำให้ติดคอหรือค้างท้องไม่ย่อยแล้วท้องอืดตายได้ โดยปกติแล้วอาหารทั้ง 2
ชนิดนี้ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงจะไม่ได้ให้เป็นประจำเนื่องจากหาซื้อยากและมีราคา
แพง
ยังไงก็ตามหากหากมีกำลังทรัพย์เพียงพอและเลือกที่จะซื้อตุนไว้ก็ต้องมีการ
เลี้ยงดูมันล่ะนะ
ทั้งตะขาบและแมงป่องโดยปกติจะเลี้ยงง่ายแค่เพียงทิ้งจิ้งหรีดหรือหนอนนกไว้
มันก็อยู่ได้แล้ว
ส่วนการให้น้ำก็ทำได้โดยเอาจิ้งหรีดไปชุบน้ำหรือไม่ก็พรมน้ำใส่ตัวมัน
สำหรับแมงป่องก่อนให้ปลากินต้องตัด “ปลายหาง” ออกก่อน
ตะขาบก็เช่นกันต้องตัด “เขี้ยว”
ออกก่อนเพราะทั้งคู่เป็นต่อมพิษที่จะทำอันตรายให้กับปลาของเราได้
(โดยปกติเขี้ยวของตะขาบจะถูกตัดมาแล้วตั้งแต่ตอนที่ซื้อมา)
NOTE :
แมงป่องเมื่อหล่นลงน้ำแล้วจะจมแต่ว่าไม่ตายทันที
มันสามารถกลั้นหายใจเดินไปเดินมาในน้ำได้ราวๆ 5-10 นาที
ถ้าตอนที่เราหย่อนมันลงไปแล้วปลาไม่กินช่วงเวลานั้นก็เอามันขึ้นมาเก็บ
เลี้ยงไว้อย่างเดิมได้
กบ
กบเป็นเหยื่อปลาที่ค่อนข้างตายง่ายมากแต่ถ้าเทียบกับความยุ่งยากในระหว่าง
เหยื่อทั้งหมด “กบ” นี่จัดได้ว่าเลี้ยงได้ง่ายเลยทีเดียว อาหารปลา
อาหารเม็ดก็กินได้ หนอนนกก็กินได้
น้ำก็ใช้ไม่ต้องมากเพียงแต่ต้องเปลี่ยนถ่ายทุกวัน
แต่กบเหยื่อทั่วไปไม่ใช่กบน้ำเพราะฉะนั้นไม่ต้องเติมน้ำมาจนท่วมเพราะกบจะจม
น้ำตาย ออกซิเจนก็ไม่ต้องใช้พวกมันสามารถหายใจเองได้
มีขอนไม้หรือแท่นลอยซักอันให้มันเกาะจะสามารถช่วยลดความเครียดและการทำร้าย
กันเองได้
(เพื่อป้องการการทำร้ายกันเองก็ควรเลือกกบที่มีขนาดเดียวกันที่สำคัญคือไม่
ควรเลี้ยงให้แออัด)
กบที่ซื้อมาส่วนใหญ่มักจะดูสกปรกเราจึงไม่สามารถแน่ใจได้ว่ามีโรคติดมาด้วยรึเปล่าเพราะฉะนั้น
หลังจากที่ซื้อมาแล้วนำไปแช่น้ำผสมด่างทับทิมซัก 5 นาที
เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ติดมาทั้งหมด
ภาชนะที่เก็บควรกว้างพอที่จะอยู่กันได้อย่างไม่อึดอัดและสูงพอที่พวกมันจะ
กระโดดพ้น (ไม่น้อยกว่า 1 ฟุตครับ)
การซื้อกบไม่ควรซื้อขนาดเล็กมากนะครับเพราะจะตายง่าย ควรจะซัก 1
นิ้วขึ้นไปและถ้าหากมีตัวตายก็ต้องรีบเอาออกเพราะน้ำจะเน่าเสียเร็ว
ขนาดปลาที่เหมาะสมในการให้กินกบเป็นอาหารควรมีขนาด 8 นิ้วขึ้นไปนะครับ